เดี๋ยวมาใส่รูปนะคะ

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวการผจญภัยแบบ โหดมันฮาของเรากันนะคะ รีวิวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะถ่ายทอดประสบการณ์การโดนหลอก และเทคนิคการหลอกรวมถึงการเอาตัวรอดแบบฮาๆกันนะคะ
เคยได้ยินเค้าว่ากันว่า See angkor wat and die นั่นคือจุดเริ่มต้นของทริปค่ะ
เรื่องราวเริ่มมาจาก เราชื่อ เฟ เราเป็นคนชอบไปเที่ยว พอเรียนจบได้1ปี เริ่มจะหาเงินได้ก็เริ่มออกเดินทางเที่ยวคนเดียว จนได้มาเจอเพื่อนคอเดียวกัน (เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันแต่เพิ่งจะรู้ว่ารสนิยมเดียวกัน) ชื่อฟาง กับแก้ว แน่นอนว่าเป็นชื่อสมมตินะคะ5555
เราวางแผนกันมาประมาณ2เดือน แต่เอาจริงๆอย่าเรียกว่าวางแผนเลยดีกว่า เรียกว่า แพลนจะไป เพราะว่า เฟ ไม่ได้หาข้อมูลดีเท่าที่ควร เฟอ่านแต่รีวิวในพันทิปนี่ล่ะค่ะ ปล่อยให้ฟางกับแก้วหาข้อมูลอยู่2คน แถมสองคนนั้นก็ขยันมาก
ก่อนออกเดินทาง2วัน เรากับฟางไปแลกตังที่ super rich ที่สีลม ยืนคำนวนกันนานมาก พอจะแลกจริงๆแลกไม่ได้ค่ะ สาขาสีลมเค้าให้แลกเฉพาะ เอาเงินต่างประเทศมาแลกเงินไทย เงิบไปสิ เลยตั้งใจไปแลกที่ข้างบิ๊กซีราชดำริแต่มองเวลาก็เกือบหกโมงเย็นแล้วไปไม่ทันแน่ๆ ไม่เป็นไรๆ เหลือเวลาอีก1วันก่อนออกเดินทางค่อยไปแลกใหม่ วันต่อมาเราก็ไปกันที่ super rich ข้างบิ๊กซีราชดำริค่ะ คิดว่ารอบคอบได้แลกแน่นอน ที่ไหนได้...ไม่ได้เอาพาสปอร์ตไปค่ะ (ตายตั้งแต่ยังไม่ไป) แต่โชคยังเข้าข้างเราอยู่ สามารถให้เพื่อนถ่ายรูปพาสปอร์ตส่งไลน์มาให้ได้ เลยได้แลกเงินค่ะ
พนักงานซูเปอร์ริช : "ไปไหนคะ"
เฟ: "ไป...เอ่อ ไป..." (นึกอยู่ว่าจะบอกว่าเสียมเรียบหรือกัมพูชา)
ฟาง : "ไปปอยเปตค่ะ!! " แล้วเพื่อนเราลักษณะเหมือนคนจะไปบ่อนมากอ่ะ สายตากระเหี้ยนกระหือรือ
พนักงานซูเปอร์ริช : "อ๋อ....ค่ะค่ะ" แต่จากการที่เราอ่านสายตาประมาณว่า แลกแค่นี้จะไปพอค่าชิพหรอวะ เดี๋ยวก็หมดตัวกลับมาหรอก
เรากับฟาง แลกเงินไป4000บาท ได้มา 118 us dollar เพราะคาดว่าจะใช้เงินไทยอีก1000บาทค่ะ
ส่วนแก้ว ไปแลกเองคนเดียว แลกได้ 120 us dollar. เห็นบอกว่าแลกที่ super richสีเขียว
พอถึงวันจะไปจริงๆ เช้ามืดวันที่ 26มิย.58
เราเริ่มออกเดินทางไปขึ้นรถทัวร์ ที่หน้าตึก อื้อจื่อเหลียง ตามที่ได้อ่านรีวิวมา ปรากฏว่าแท็กซี่พาอ้อมไปนู้นนนนน
เพราะแท็กซี่ไม่รู้จักและเราก็พูดไม่รู้เรื่องว่าตึกมันอยู่ตรงไหน แต่เราก็สามารถมาถึงตึกอื้อจื่อเหลียงได้ที่เวลา 04.15น.
แล้วก็ขึ้นรถทัวร์ที่จอดอยู่ พอก้าวขึ้นไปปุ๊ป...พวกเราสามคนเหมือนสิ่งแปลกปลอมในรถมาก เพราะการแต่งตัว อายุและหน้าตา (หน้าตาดูไม่น่าจะมีเงินเข้าบ่อน) รถทัวร์จะเป็น2ชั้น เค้าจะให้นั่งข้างบนให้เต็มก่อน นั่งแล้วเปลี่ยนที่ไม่ได้ แอบหันไปมองข้างหลัง ก็ชัดเจนว่า ทุกคนในรถตั้งใจไปบ่อนกันหมดเลยทีเดียว...
จ่ายค่ารถไปบ่อน ราคา200บาท แต่ถ้าไปกลับ300บาทต้องภายในวันเดียวกันนะคะ ไม่ต้องโทรจอง เพราะเราเคยโทรไปถามแล้วเค้าบอกว่ามาถึงขึ้นได้เลย
ประมาณ 04.30 รถก็เริ่มล้อหมุน สักพักเริ่มเสริฟน้ำเปล่า
แก้ว : เช้าๆแบบนี้ถ้ามีปาท่องโก๋สักตัวก็ดีเนอะ
สักพักปาท่องโก๋มาเสริฟ....
แก้ว : ปาท่องโก๋แบบนี้น่าจะมีโอวัลตินเนอะ
เรา : เออ..แต่เราชอบน้ำเต้าหู้มากกว่า
สักพักน้ำเต้าหู้ โอวัลตินมาเสริฟ....
แหม่!! พูดอะไรได้อย่างงั้นจริงๆ
รถทัวร์วิ่งมาถึงตลาดโรงเกลืออำเภอ อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ประมาณ 8.30น ท้องเริ่มร้องกันแล้ว
ฟาง : เฮ้ยแก แวะกินข้าวฝั่งไทยก่อนเถอะ เค้าบอกว่าให้กินฝั่งนี้เพราะถ้าข้ามไปมันจะไม่ค่อยสะอาด
คือฟางจะมีหนังสือ เที่ยวกัมพูชาที่เพิ่งซื้อมา แต่ยังอ่านไม่จบ มาด้วย เราเลยหันซ้ายหันขวา มองหาร้านที่ดูสะอาด ก็ได้เห็นร้านแปดเหลี่ยม เดินเข้าไปกินข้าวขาหมูคนละจาน กินไปก็ปรึกษากันไปว่าเฮ้ย...มันจะแพงป่ะวะ ทำไมมันไม่เห็นมีใครเข้ามานั่งกิน พอเรียกเช็คบิล ก็จานละ50บาทเท่านั้นเอง โล่งงงงงใจ...
เดินๆๆกันตามหนังสือบอก ไปผ่านแดนกันค่ะ เดินกันแบบงงๆ เพราะรถแถวนี้เริ่มจะขับชิดเลนขวาพวงมาลัยซ้ายกันแล้ว พอเข้าสู้เขตแดนกัมพูชา เท่านั้นล่ะ...พวกเราเหมือนถูกแร้งรุมทึ้งค่ะ
"น่องๆปายหนายเสียมเรียบๆ แท็กซี่หม๊ายยย??" "เลดี๊...แท็กซี่ ๆๆ" พอถามว่าเท่าไหร่?? เค้าบอกว่า1200บาท เราก็คิดกันว่าโอ้ยยย ตูไม่โง่หรอกเฟ้ย อ่านมาแล้วเค้าบอกว่า 1000บาทเอ๊งงง พอบอก 1000 บาทได้มั้ย? เค้าบอก หม๊ายได้ๆ พวกเราเลยเดินหนี (ตามรีวิวที่อ่านมา) คนขับแท็กซี่เดินตามมาบอกว่า โอเค๊ๆๆ วันเต๊าเซิ่น พวกเราคิดในใจกันว่า พวกเราฉลาดแล้วโว้ย ได้ราคาถูก แต่จริงๆแล้วพวกเราโดนต้มเปื่อยตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ
คนขับแท๊กซี่บอกให้พวกเราเดินไปรอข้างหน้านู้น เดี๋ยวจะมีรถไปรับ ถ้ามีคนถามให้พวกเราบอกว่ามีรถแล้ว พวกเราก็เดินๆๆกันไป จากนั้นก็มีคนถามๆตลอดทาง พวกเราก็ปฏิเสธไป เรากับฟางหันมาอีกที อ้าวเฮ้ย? แก้วอ่ะ แก้วไปไหน ปรากฏว่าแก้วโดนรุมอยู่ข้างหลังค่ะ กว่าจะออกมาได้ จากนั้นเราก็ได้ถึงบางอ้อทีหลังว่า ที่เค้าให้เรามารอข้างหน้าเพราะ พวกแท๊กซี่เค้าจะมีเป็นคิวๆ ทีนี้เค้าจะต้องแซงคิว เลยต้องให้เรามารอข้างหน้าแล้วบอกว่ามีรถแล้ว
พวกเราไม่เอะใจอะไรเลย นึกว่าโชคดีไม่โดนหลอก แน่ใจว่าได้เจอคนดีแล้ว เลยแฮปปี้ตลอดการเดินทางไปเสียมเรียบ พอเข้าสู่ตัวเมืองเสียมเรียบ คนขับแท็กซี่บอกว่าเค้าไม่รู้จักทางไปโรงแรมของเรา เดี๋ยวเปลี่ยนคนขับเป็นเพื่อนเค้า พวกเราก็โอเคๆ พอเปลี่ยนคนขับใหม่ คนนี้แหละค่ะ ไอ้ตัวแสบ !! ชื่อ ลุค
ลุคสามารถพูดภาษาไทยได้นิดหน่อย แต่น่าจะฟังรู้เรื่องทุกคำ
ลุคพาเราไปส่งที่โรงแรม ซึ่งเราจองไว้ก่อนแล้วชื่อโรงแรม hang tep ราคา 2400+ นี่คือ ราคาสามคืนสำหรับสามคน รวมอาหารเช้า ระหว่างนั้นลุคก็เริ่มกระบวนการต้มโดยเสนอราคาค่าแท็กซี่ขากลับให้ ในราคา700บาท พวกเราตาวาว ทันที รีบตอบโอเค จากนั้น มันเริ่มเสนอโปรแกรมทัวร์ให้ ดังนี้ค่ะ
Day1 : มาถึงเสียบเรียบ พาไปซื้อ angkor pass และดู sunset at angkor wat By taxi
Day2 : พาเที่ยว angkor wat และ angkor thom ดู sunset at พนมบาเค็ง By Tuktuk
Day3 : พาไปดู sunrise at angkor wat แล้วก็พาไปเที่ยว lady temple , กบาลเสปียล By taxi
Day4 : พาไปโตนเลสาบกับ พิพิธภัณฑ์ และพาพวกเรากลับปอยเปต by taxi
รวมหมดนี่ คิด5500บาท แถมยังบอกว่า บางที่ต้องจ่ายค่าเข้าเพิ่ม เดี๋ยวลุคจะจ่ายให้ พวกเราเลยต่อราคาเหลือ 5300บาท (158 us dollar) ลุคบอกว่า ไอแอมโอเค ยูอาโอเค วีแฮปปี้
ปรึกษากันสักพัก เรากับฟาง คิดน้อยไปหน่อย ก็เลยโอเค แต่แก้ว(ผู้ซึ่งอ่านมาเยอะมาก ยังไม่โอเคเท่าไหร่ แต่เมื่อเพื่อนๆโอเค 2:1 แก้วเลยโอเคด้วย ) ลุคบอกให้เราจ่ายมัดจำเป็นจำนวนเงิน 2000บาท เราก็เลยจ่ายกันไปค่ะ พวกเราคิดว่าพวกเรารอบคอบกันมาก เลยถ่ายรูปลุคไว้
**พวกนี้จะมีทริคอยู่อย่างนึงคือ เค้าจะไม่ยอมให้เราเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนเพราะไม่งั้นเราจะรู้ราคาที่แท้จริงของค่ารถไปการไปเที่ยว
ลุคบอกว่าจะมารับ 16.30น พวกเราก็เข้าไปเช็คอินที่โรงแรม ซึ่งที่นี่ ดีมากกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลังนะคะ
พอเช็คอินเสร็จ แก้วซึ่งดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ก็ถามราคาของค่ารถเหมาไปเที่ยว ปรากฎว่า
Small tour ราคา 15 ดอล big tour ราคา 17 ดอล ถ้าดู sunset เพิ่ม 5 ดอล ดู sunrise เพิ่ม 5 ดอล ไป lady temple 23 ดอล แต่ถ้าไปถึงกบาลเสปียล 27 ดอล คือเรารวมๆแล้วมันไม่ถึง100ดอล
พวกเราเริ่มคิดหาวิธีกัน เพราะถ้าจะเอาเงินคืน คงไม่ได้แน่ เลยยืมโทรศัพท์ของโรงแรมโทรไปหาลุค ว่าจะจ้างลุคแค่ค่าแท็กซี่กลับปอยเปต 700 แล้วให้คืนเงิน 1300 เรามา แน่นอนค่ะว่าลุคไม่ยอม ด้วยความที่เราใจร้อน เราเลยว่าไปว่า ยูหลอกไอนี่นา ยูโกหกไอ มันตอบว่า ไอไม่ได้โกหกยู นาวไอแอมเวรี่แองกรี้ แล้ว ไอจะไม่ไปรับยูแล้ว เราก็บอกเอ้าแล้วเงินไอ 2000บาทเนี่ยจะไม่คืนใช่ไหม ลุคบอกใช่ จะไม่คืนด้วย เราบอกงั้นไอแจ้งตำรวจนะ ลุคมันบอกว่า แจ้งเลยๆๆ ....คือมันไม่กลัวอะไรเลย
สักพักนึงมันบอกว่า สงสัยยูจะไม่เข้าใจไอ เดี๋ยวสี่โมงเย็นจะเข้ามาคุย เราก็โอเคๆไป (สงสัยมันนึกได้ว่าพวกเราถ่ายรูปมันไว้แล้ว)
จากนั้นเราก็เริ่มประชุมปรึกษากัน ว่ามันจะมี พิพิธภัณฑ์ ที่ต้องจ่ายค่าเข้า คนละ 360บาท ถ้าเราไม่เข้า ก็จะลดราคาไปได้ เป็นพันเลยค่ะ แล้วตอนแรกลุคบอกว่าจะจ่ายให้ทุกอย่าง ถ้าเราบอกลุคว่าเราจะไม่เข้าพิพิธภัณฑ์ ลุคจะลดให้ได้ไหม ถ้าลดได้เราก็ไปกับลุคต่อ
แต่สุดท้ายลุคก็บอกว่าไม่ได้ออกให้ค่ะ เอ้า...ไอ้....!! เราเลยยอมไปกะมันวันแรกก่อน แล้วค่อยวางแผนหาวิธีการ
ลุคมารับเวลา 16.30 น.ค่ะ เอาแท๊กซี่มารับ เพื่อพาเราไปซื้อ Angkor pass ซึ่ง เป็นบัตรผ่านสำหรับเที่ยว มีหลายแบบเลยนะคะ
แบบ 1 day trip ราคา 20 ดอล
3 day trip ราคา 40 ดอล
7 day trip ราคา 60 ดอล

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะซื้อแบบ 3 day trip ค่ะ ซึ่งมันก็จะเป็นบัตรกระดาษธรรมดา และมีการถ่ายรูปเราลงในบัตรด้วย
เวลาถ่ายรูปยิ้มสวยๆ และสามารถชูสองนิ้วได้นะคะ 5555 แนะนำว่าให้ถ่ายภาพบัตรไว้เป็นหลักฐานเผื่อหาย ( อ่านมาจากพันทิปนี่แหละค่ะ)
อ้อ!! แนะนำให้ซื้อหลัง 16.30 น นะคะ จะได้นำบัตรนี้ไปดูพระอาทิตย์ตกที่นครวัด เย็นนี้ได้เลย (ซื้อเย็น 26 จะใช้ได้ 27-29 ค่ะ )
ระหว่างทางที่นั่งแท็กซี่กับลุคมา พวกเราบ่นๆๆกันมาก เพราะเสียความรู้สึกไปแล้ว ไอ้ลุคก็น่าจะฟังออกทุกคำแต่แกล้งทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง
พวกเราเห็นรถตุ๊กๆ แล้วอยากนั่งมากเลยค่ะ บรรยากาศยามเย็นดีมากจริงๆ แต่ต้องมานั่งอุดอู้ในแท็กซี่กับ ไอ้ลุค ><
จากนั้นลุคก็พาพวกเราไปดูพระอาทิตย์ตกที่ นครวัดค่ะ สวยมากจริงๆ

ราวๆ 19.00 น. ลุคพาพวกเรามาส่งที่ Pub street เพื่อเดินเล่นหาของกิน คือร้านค้าเยอะมากและชาวต่างชาติเพียบเลยค่ะ
ก่อนไป ลุค ให้ตังพวกเรา 1 ดอลลาร์ค่ะ แหม!!ใจดีจังนะเมิ้งงงง

พวกเราเดินๆกันอยู่สักพักนึง เพราะแอบมองราคาอาหารค่ะ แพงเหมือนกันนะคะ ไปเจอร้านนึง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา อาหารรสชาดใช้ได้
พวกเราสั่งกับข้าวสองอย่าง (มันจะได้ข้าวมาด้วย 2 จาน) แล้วสั่งข้าวเพิ่มจานนึง กับข้าวอย่างนึง ราคา 5 ดอล มื้อนั้นสรุปว่ากินไป 12 ดอล ค่ะ
แล้วเราจะกลับยังไง..... นั่นคือคำถามต่อมา
แกๆ แกรู้ทางใช่ป่ะ... เออๆ เราจำได้ๆ ...เออๆเรามีแผนที่
พวกเราเริ่มเดินค่ะ แล้ววันนี้พวกเราก็ได้รู้จักกับคำว่า "Lost in Cambodia" อย่างแท้จริง
แกๆ ทางนี้แหละ ไอ้ป้ายเนี่ยเราคุ้นๆว่าผ่าน.... จริงหรอแก....เออๆเชื่อเราๆๆ
ก็เดินกันไปค่ะ ...ขณะนั้นเป็นเวลา 20.00 น. ที่นี่มืดแล้วและบางบ้านก็ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีไฟข้างทางนะคะ พวกเราสามคนเดินกันมืดๆ
กลัวก็กลัว แต่ต้องเดินต่อไป โดนแซวบ้าง เกือบโดนหมากัดบ้าง แต่พวกเราก็เดินต่อไป
แก..มันไม่ใช่ทางนี้ละ เดินย้อนกลับๆๆๆ ....เฮ้ยแกอันนี้คุ้นๆๆ ป่ะๆทางนี้
สรุปว่า.....ฟางคุ้นทุกเส้นทางค่ะ - -" สุดท้ายพวกเราก็ต้องยอมรับว่า...หลงทาง
แก้วเริ่มกางแผนที่ออกมา เฮ้ยมันเริ่มไม่สนุกละเว้ย.. ถามทางเค้าเหอะแก
พวกเราเลยถามทางคนที่ร้านอาหาร ที่อยู่ตรงข้ามกับ BBU (เป็นมหาวิทยาลัยของที่นั่น) ต้องขอบคุณเค้าจริงๆไม่งั้นกว่าเราจะกลับได้คงเที่ยงคืน
มาถึงห้องพัก พวกเราเริ่มวางแผนใหม่ ว่าจะทำยังไงเพื่อให้คุ้มที่สุด กับเงิน 2000 บาทที่เสียมัดจำไป สุดท้ายเราได้มติกันว่า
พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกับทีมของลุค วันเดียว จากนั้นเราจะชิ่งหนี แล้วจองตุ๊กๆไปเที่ยวกันเอง มันจะคุ้มกว่า...แล้วพวกเราก็นอน
[CR] แชร์ประสบการณ์โดนหลอก@ เสียมเรียบ กัมพูชา ทริปคอเดียวกัน ค.ควายล้วนๆไม่มีวัวผสม (26-29มิย.58)
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวการผจญภัยแบบ โหดมันฮาของเรากันนะคะ รีวิวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะถ่ายทอดประสบการณ์การโดนหลอก และเทคนิคการหลอกรวมถึงการเอาตัวรอดแบบฮาๆกันนะคะ
เคยได้ยินเค้าว่ากันว่า See angkor wat and die นั่นคือจุดเริ่มต้นของทริปค่ะ
เรื่องราวเริ่มมาจาก เราชื่อ เฟ เราเป็นคนชอบไปเที่ยว พอเรียนจบได้1ปี เริ่มจะหาเงินได้ก็เริ่มออกเดินทางเที่ยวคนเดียว จนได้มาเจอเพื่อนคอเดียวกัน (เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันแต่เพิ่งจะรู้ว่ารสนิยมเดียวกัน) ชื่อฟาง กับแก้ว แน่นอนว่าเป็นชื่อสมมตินะคะ5555
เราวางแผนกันมาประมาณ2เดือน แต่เอาจริงๆอย่าเรียกว่าวางแผนเลยดีกว่า เรียกว่า แพลนจะไป เพราะว่า เฟ ไม่ได้หาข้อมูลดีเท่าที่ควร เฟอ่านแต่รีวิวในพันทิปนี่ล่ะค่ะ ปล่อยให้ฟางกับแก้วหาข้อมูลอยู่2คน แถมสองคนนั้นก็ขยันมาก
ก่อนออกเดินทาง2วัน เรากับฟางไปแลกตังที่ super rich ที่สีลม ยืนคำนวนกันนานมาก พอจะแลกจริงๆแลกไม่ได้ค่ะ สาขาสีลมเค้าให้แลกเฉพาะ เอาเงินต่างประเทศมาแลกเงินไทย เงิบไปสิ เลยตั้งใจไปแลกที่ข้างบิ๊กซีราชดำริแต่มองเวลาก็เกือบหกโมงเย็นแล้วไปไม่ทันแน่ๆ ไม่เป็นไรๆ เหลือเวลาอีก1วันก่อนออกเดินทางค่อยไปแลกใหม่ วันต่อมาเราก็ไปกันที่ super rich ข้างบิ๊กซีราชดำริค่ะ คิดว่ารอบคอบได้แลกแน่นอน ที่ไหนได้...ไม่ได้เอาพาสปอร์ตไปค่ะ (ตายตั้งแต่ยังไม่ไป) แต่โชคยังเข้าข้างเราอยู่ สามารถให้เพื่อนถ่ายรูปพาสปอร์ตส่งไลน์มาให้ได้ เลยได้แลกเงินค่ะ
พนักงานซูเปอร์ริช : "ไปไหนคะ"
เฟ: "ไป...เอ่อ ไป..." (นึกอยู่ว่าจะบอกว่าเสียมเรียบหรือกัมพูชา)
ฟาง : "ไปปอยเปตค่ะ!! " แล้วเพื่อนเราลักษณะเหมือนคนจะไปบ่อนมากอ่ะ สายตากระเหี้ยนกระหือรือ
พนักงานซูเปอร์ริช : "อ๋อ....ค่ะค่ะ" แต่จากการที่เราอ่านสายตาประมาณว่า แลกแค่นี้จะไปพอค่าชิพหรอวะ เดี๋ยวก็หมดตัวกลับมาหรอก
เรากับฟาง แลกเงินไป4000บาท ได้มา 118 us dollar เพราะคาดว่าจะใช้เงินไทยอีก1000บาทค่ะ
ส่วนแก้ว ไปแลกเองคนเดียว แลกได้ 120 us dollar. เห็นบอกว่าแลกที่ super richสีเขียว
พอถึงวันจะไปจริงๆ เช้ามืดวันที่ 26มิย.58
เราเริ่มออกเดินทางไปขึ้นรถทัวร์ ที่หน้าตึก อื้อจื่อเหลียง ตามที่ได้อ่านรีวิวมา ปรากฏว่าแท็กซี่พาอ้อมไปนู้นนนนน
เพราะแท็กซี่ไม่รู้จักและเราก็พูดไม่รู้เรื่องว่าตึกมันอยู่ตรงไหน แต่เราก็สามารถมาถึงตึกอื้อจื่อเหลียงได้ที่เวลา 04.15น.
แล้วก็ขึ้นรถทัวร์ที่จอดอยู่ พอก้าวขึ้นไปปุ๊ป...พวกเราสามคนเหมือนสิ่งแปลกปลอมในรถมาก เพราะการแต่งตัว อายุและหน้าตา (หน้าตาดูไม่น่าจะมีเงินเข้าบ่อน) รถทัวร์จะเป็น2ชั้น เค้าจะให้นั่งข้างบนให้เต็มก่อน นั่งแล้วเปลี่ยนที่ไม่ได้ แอบหันไปมองข้างหลัง ก็ชัดเจนว่า ทุกคนในรถตั้งใจไปบ่อนกันหมดเลยทีเดียว...
จ่ายค่ารถไปบ่อน ราคา200บาท แต่ถ้าไปกลับ300บาทต้องภายในวันเดียวกันนะคะ ไม่ต้องโทรจอง เพราะเราเคยโทรไปถามแล้วเค้าบอกว่ามาถึงขึ้นได้เลย
ประมาณ 04.30 รถก็เริ่มล้อหมุน สักพักเริ่มเสริฟน้ำเปล่า
แก้ว : เช้าๆแบบนี้ถ้ามีปาท่องโก๋สักตัวก็ดีเนอะ
สักพักปาท่องโก๋มาเสริฟ....
แก้ว : ปาท่องโก๋แบบนี้น่าจะมีโอวัลตินเนอะ
เรา : เออ..แต่เราชอบน้ำเต้าหู้มากกว่า
สักพักน้ำเต้าหู้ โอวัลตินมาเสริฟ....
แหม่!! พูดอะไรได้อย่างงั้นจริงๆ
รถทัวร์วิ่งมาถึงตลาดโรงเกลืออำเภอ อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ประมาณ 8.30น ท้องเริ่มร้องกันแล้ว
ฟาง : เฮ้ยแก แวะกินข้าวฝั่งไทยก่อนเถอะ เค้าบอกว่าให้กินฝั่งนี้เพราะถ้าข้ามไปมันจะไม่ค่อยสะอาด
คือฟางจะมีหนังสือ เที่ยวกัมพูชาที่เพิ่งซื้อมา แต่ยังอ่านไม่จบ มาด้วย เราเลยหันซ้ายหันขวา มองหาร้านที่ดูสะอาด ก็ได้เห็นร้านแปดเหลี่ยม เดินเข้าไปกินข้าวขาหมูคนละจาน กินไปก็ปรึกษากันไปว่าเฮ้ย...มันจะแพงป่ะวะ ทำไมมันไม่เห็นมีใครเข้ามานั่งกิน พอเรียกเช็คบิล ก็จานละ50บาทเท่านั้นเอง โล่งงงงงใจ...
เดินๆๆกันตามหนังสือบอก ไปผ่านแดนกันค่ะ เดินกันแบบงงๆ เพราะรถแถวนี้เริ่มจะขับชิดเลนขวาพวงมาลัยซ้ายกันแล้ว พอเข้าสู้เขตแดนกัมพูชา เท่านั้นล่ะ...พวกเราเหมือนถูกแร้งรุมทึ้งค่ะ
"น่องๆปายหนายเสียมเรียบๆ แท็กซี่หม๊ายยย??" "เลดี๊...แท็กซี่ ๆๆ" พอถามว่าเท่าไหร่?? เค้าบอกว่า1200บาท เราก็คิดกันว่าโอ้ยยย ตูไม่โง่หรอกเฟ้ย อ่านมาแล้วเค้าบอกว่า 1000บาทเอ๊งงง พอบอก 1000 บาทได้มั้ย? เค้าบอก หม๊ายได้ๆ พวกเราเลยเดินหนี (ตามรีวิวที่อ่านมา) คนขับแท็กซี่เดินตามมาบอกว่า โอเค๊ๆๆ วันเต๊าเซิ่น พวกเราคิดในใจกันว่า พวกเราฉลาดแล้วโว้ย ได้ราคาถูก แต่จริงๆแล้วพวกเราโดนต้มเปื่อยตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ
คนขับแท๊กซี่บอกให้พวกเราเดินไปรอข้างหน้านู้น เดี๋ยวจะมีรถไปรับ ถ้ามีคนถามให้พวกเราบอกว่ามีรถแล้ว พวกเราก็เดินๆๆกันไป จากนั้นก็มีคนถามๆตลอดทาง พวกเราก็ปฏิเสธไป เรากับฟางหันมาอีกที อ้าวเฮ้ย? แก้วอ่ะ แก้วไปไหน ปรากฏว่าแก้วโดนรุมอยู่ข้างหลังค่ะ กว่าจะออกมาได้ จากนั้นเราก็ได้ถึงบางอ้อทีหลังว่า ที่เค้าให้เรามารอข้างหน้าเพราะ พวกแท๊กซี่เค้าจะมีเป็นคิวๆ ทีนี้เค้าจะต้องแซงคิว เลยต้องให้เรามารอข้างหน้าแล้วบอกว่ามีรถแล้ว
พวกเราไม่เอะใจอะไรเลย นึกว่าโชคดีไม่โดนหลอก แน่ใจว่าได้เจอคนดีแล้ว เลยแฮปปี้ตลอดการเดินทางไปเสียมเรียบ พอเข้าสู่ตัวเมืองเสียมเรียบ คนขับแท็กซี่บอกว่าเค้าไม่รู้จักทางไปโรงแรมของเรา เดี๋ยวเปลี่ยนคนขับเป็นเพื่อนเค้า พวกเราก็โอเคๆ พอเปลี่ยนคนขับใหม่ คนนี้แหละค่ะ ไอ้ตัวแสบ !! ชื่อ ลุค
ลุคสามารถพูดภาษาไทยได้นิดหน่อย แต่น่าจะฟังรู้เรื่องทุกคำ
ลุคพาเราไปส่งที่โรงแรม ซึ่งเราจองไว้ก่อนแล้วชื่อโรงแรม hang tep ราคา 2400+ นี่คือ ราคาสามคืนสำหรับสามคน รวมอาหารเช้า ระหว่างนั้นลุคก็เริ่มกระบวนการต้มโดยเสนอราคาค่าแท็กซี่ขากลับให้ ในราคา700บาท พวกเราตาวาว ทันที รีบตอบโอเค จากนั้น มันเริ่มเสนอโปรแกรมทัวร์ให้ ดังนี้ค่ะ
Day1 : มาถึงเสียบเรียบ พาไปซื้อ angkor pass และดู sunset at angkor wat By taxi
Day2 : พาเที่ยว angkor wat และ angkor thom ดู sunset at พนมบาเค็ง By Tuktuk
Day3 : พาไปดู sunrise at angkor wat แล้วก็พาไปเที่ยว lady temple , กบาลเสปียล By taxi
Day4 : พาไปโตนเลสาบกับ พิพิธภัณฑ์ และพาพวกเรากลับปอยเปต by taxi
รวมหมดนี่ คิด5500บาท แถมยังบอกว่า บางที่ต้องจ่ายค่าเข้าเพิ่ม เดี๋ยวลุคจะจ่ายให้ พวกเราเลยต่อราคาเหลือ 5300บาท (158 us dollar) ลุคบอกว่า ไอแอมโอเค ยูอาโอเค วีแฮปปี้
ปรึกษากันสักพัก เรากับฟาง คิดน้อยไปหน่อย ก็เลยโอเค แต่แก้ว(ผู้ซึ่งอ่านมาเยอะมาก ยังไม่โอเคเท่าไหร่ แต่เมื่อเพื่อนๆโอเค 2:1 แก้วเลยโอเคด้วย ) ลุคบอกให้เราจ่ายมัดจำเป็นจำนวนเงิน 2000บาท เราก็เลยจ่ายกันไปค่ะ พวกเราคิดว่าพวกเรารอบคอบกันมาก เลยถ่ายรูปลุคไว้
**พวกนี้จะมีทริคอยู่อย่างนึงคือ เค้าจะไม่ยอมให้เราเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนเพราะไม่งั้นเราจะรู้ราคาที่แท้จริงของค่ารถไปการไปเที่ยว
ลุคบอกว่าจะมารับ 16.30น พวกเราก็เข้าไปเช็คอินที่โรงแรม ซึ่งที่นี่ ดีมากกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลังนะคะ
พอเช็คอินเสร็จ แก้วซึ่งดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ก็ถามราคาของค่ารถเหมาไปเที่ยว ปรากฎว่า
Small tour ราคา 15 ดอล big tour ราคา 17 ดอล ถ้าดู sunset เพิ่ม 5 ดอล ดู sunrise เพิ่ม 5 ดอล ไป lady temple 23 ดอล แต่ถ้าไปถึงกบาลเสปียล 27 ดอล คือเรารวมๆแล้วมันไม่ถึง100ดอล
พวกเราเริ่มคิดหาวิธีกัน เพราะถ้าจะเอาเงินคืน คงไม่ได้แน่ เลยยืมโทรศัพท์ของโรงแรมโทรไปหาลุค ว่าจะจ้างลุคแค่ค่าแท็กซี่กลับปอยเปต 700 แล้วให้คืนเงิน 1300 เรามา แน่นอนค่ะว่าลุคไม่ยอม ด้วยความที่เราใจร้อน เราเลยว่าไปว่า ยูหลอกไอนี่นา ยูโกหกไอ มันตอบว่า ไอไม่ได้โกหกยู นาวไอแอมเวรี่แองกรี้ แล้ว ไอจะไม่ไปรับยูแล้ว เราก็บอกเอ้าแล้วเงินไอ 2000บาทเนี่ยจะไม่คืนใช่ไหม ลุคบอกใช่ จะไม่คืนด้วย เราบอกงั้นไอแจ้งตำรวจนะ ลุคมันบอกว่า แจ้งเลยๆๆ ....คือมันไม่กลัวอะไรเลย
สักพักนึงมันบอกว่า สงสัยยูจะไม่เข้าใจไอ เดี๋ยวสี่โมงเย็นจะเข้ามาคุย เราก็โอเคๆไป (สงสัยมันนึกได้ว่าพวกเราถ่ายรูปมันไว้แล้ว)
จากนั้นเราก็เริ่มประชุมปรึกษากัน ว่ามันจะมี พิพิธภัณฑ์ ที่ต้องจ่ายค่าเข้า คนละ 360บาท ถ้าเราไม่เข้า ก็จะลดราคาไปได้ เป็นพันเลยค่ะ แล้วตอนแรกลุคบอกว่าจะจ่ายให้ทุกอย่าง ถ้าเราบอกลุคว่าเราจะไม่เข้าพิพิธภัณฑ์ ลุคจะลดให้ได้ไหม ถ้าลดได้เราก็ไปกับลุคต่อ
แต่สุดท้ายลุคก็บอกว่าไม่ได้ออกให้ค่ะ เอ้า...ไอ้....!! เราเลยยอมไปกะมันวันแรกก่อน แล้วค่อยวางแผนหาวิธีการ
ลุคมารับเวลา 16.30 น.ค่ะ เอาแท๊กซี่มารับ เพื่อพาเราไปซื้อ Angkor pass ซึ่ง เป็นบัตรผ่านสำหรับเที่ยว มีหลายแบบเลยนะคะ
แบบ 1 day trip ราคา 20 ดอล
3 day trip ราคา 40 ดอล
7 day trip ราคา 60 ดอล
ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะซื้อแบบ 3 day trip ค่ะ ซึ่งมันก็จะเป็นบัตรกระดาษธรรมดา และมีการถ่ายรูปเราลงในบัตรด้วย
เวลาถ่ายรูปยิ้มสวยๆ และสามารถชูสองนิ้วได้นะคะ 5555 แนะนำว่าให้ถ่ายภาพบัตรไว้เป็นหลักฐานเผื่อหาย ( อ่านมาจากพันทิปนี่แหละค่ะ)
อ้อ!! แนะนำให้ซื้อหลัง 16.30 น นะคะ จะได้นำบัตรนี้ไปดูพระอาทิตย์ตกที่นครวัด เย็นนี้ได้เลย (ซื้อเย็น 26 จะใช้ได้ 27-29 ค่ะ )
ระหว่างทางที่นั่งแท็กซี่กับลุคมา พวกเราบ่นๆๆกันมาก เพราะเสียความรู้สึกไปแล้ว ไอ้ลุคก็น่าจะฟังออกทุกคำแต่แกล้งทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง
พวกเราเห็นรถตุ๊กๆ แล้วอยากนั่งมากเลยค่ะ บรรยากาศยามเย็นดีมากจริงๆ แต่ต้องมานั่งอุดอู้ในแท็กซี่กับ ไอ้ลุค ><
จากนั้นลุคก็พาพวกเราไปดูพระอาทิตย์ตกที่ นครวัดค่ะ สวยมากจริงๆ
ราวๆ 19.00 น. ลุคพาพวกเรามาส่งที่ Pub street เพื่อเดินเล่นหาของกิน คือร้านค้าเยอะมากและชาวต่างชาติเพียบเลยค่ะ
ก่อนไป ลุค ให้ตังพวกเรา 1 ดอลลาร์ค่ะ แหม!!ใจดีจังนะเมิ้งงงง
พวกเราเดินๆกันอยู่สักพักนึง เพราะแอบมองราคาอาหารค่ะ แพงเหมือนกันนะคะ ไปเจอร้านนึง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา อาหารรสชาดใช้ได้
พวกเราสั่งกับข้าวสองอย่าง (มันจะได้ข้าวมาด้วย 2 จาน) แล้วสั่งข้าวเพิ่มจานนึง กับข้าวอย่างนึง ราคา 5 ดอล มื้อนั้นสรุปว่ากินไป 12 ดอล ค่ะ
แล้วเราจะกลับยังไง..... นั่นคือคำถามต่อมา
แกๆ แกรู้ทางใช่ป่ะ... เออๆ เราจำได้ๆ ...เออๆเรามีแผนที่
พวกเราเริ่มเดินค่ะ แล้ววันนี้พวกเราก็ได้รู้จักกับคำว่า "Lost in Cambodia" อย่างแท้จริง
แกๆ ทางนี้แหละ ไอ้ป้ายเนี่ยเราคุ้นๆว่าผ่าน.... จริงหรอแก....เออๆเชื่อเราๆๆ
ก็เดินกันไปค่ะ ...ขณะนั้นเป็นเวลา 20.00 น. ที่นี่มืดแล้วและบางบ้านก็ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีไฟข้างทางนะคะ พวกเราสามคนเดินกันมืดๆ
กลัวก็กลัว แต่ต้องเดินต่อไป โดนแซวบ้าง เกือบโดนหมากัดบ้าง แต่พวกเราก็เดินต่อไป
แก..มันไม่ใช่ทางนี้ละ เดินย้อนกลับๆๆๆ ....เฮ้ยแกอันนี้คุ้นๆๆ ป่ะๆทางนี้
สรุปว่า.....ฟางคุ้นทุกเส้นทางค่ะ - -" สุดท้ายพวกเราก็ต้องยอมรับว่า...หลงทาง
แก้วเริ่มกางแผนที่ออกมา เฮ้ยมันเริ่มไม่สนุกละเว้ย.. ถามทางเค้าเหอะแก
พวกเราเลยถามทางคนที่ร้านอาหาร ที่อยู่ตรงข้ามกับ BBU (เป็นมหาวิทยาลัยของที่นั่น) ต้องขอบคุณเค้าจริงๆไม่งั้นกว่าเราจะกลับได้คงเที่ยงคืน
มาถึงห้องพัก พวกเราเริ่มวางแผนใหม่ ว่าจะทำยังไงเพื่อให้คุ้มที่สุด กับเงิน 2000 บาทที่เสียมัดจำไป สุดท้ายเราได้มติกันว่า
พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกับทีมของลุค วันเดียว จากนั้นเราจะชิ่งหนี แล้วจองตุ๊กๆไปเที่ยวกันเอง มันจะคุ้มกว่า...แล้วพวกเราก็นอน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น